เที่ยวเขมร กับ 11 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวกัมพูชา
1. วิมานเอกราช หรืออนุสาวรีย์อิสรภาพ
ตั้งอยู่ใจกลางของวงเวียน ถนนนโรดมสีหนุวิล สร้างขึ้นในปี 1958 เป็นอนุสาวรีย์ที่รำลึกถึงการได้เอกราชคืนจากฝรั่งเศส ออกแบบโดยสถาปนิกชาวกัมพูชา Vann Molyvann อนุสาวรีย์สร้างตามแบบศิลปะขอม ด้านบนสลักลวดลายดอกบัวตูมประดับด้วยหัวพญานาคโดยเลียนแบบมาจากนครวัด วิมานเอกราชแห่งนี้ยังใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งการสิ้นสุดของสงครามในกัมพูชา ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่เฉลิมฉลองเกี่ยวกับวันหยุดทางการเมืองเช่นวันเอกราช (7 มกราคม) และ วันรัฐธรรมนูญ (24 กันยายน) แนะนำให้มาชมตอนกลางคืนนะครับจะการประดับไฟสวยงามมากเลยทีเดียว
2. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกรุงพนมเปญ
สร้างขึ้นในปี 1920 พิพิธภัณฑ์สถานแห่งนี้ออกแบบ และก่อสร้างโดยใช้ศิลปะแบบผสมผสานระหว่างขอมกับฝรั่งเศส เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความวิจิตรงดงามทั้งภายในและภายนอก สถานที่แห่งนี้นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชม เพราะเป็นแหล่งรวบรวมประวัติศาสตร์ ศิลปะ และโบราณวัตถุเก่าแก่นับพันปีที่พบในกัมพูชาไว้มากมายอาทิ เทวรูปพระวิษณุเก่าแก่นับพันปี รูปแกะสลักเศียรพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรูปหล่อพระนารายณ์บรรทมสินสำริด และที่โดดเด่นก็คือเทวรูปศิลาแกะสลักขนาดใหญ่ที่งดงามราวชลอองค์เทพมาลงจากสวรรค์นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงหัตถกรรมจากไม้ งานแกะสลักหิน และงานศิลปะพื้นบ้านของเขมรด้วย
3. พระบรมราชนุสาวรีย์ของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ
พระราชบิดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา อนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนโรดมสี หนุ สร้างจากทองแดง มีความสูง 27 เมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ พระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหนุเสด็จ สวรรคตเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 ขณะมีพระชนมายุได้ 89 พรรษา ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน พระองค์ได้รับการยกย่อง จากชาวกัมพูชาว่าเป็นพระบิดาแห่งเอกราชของกัมพูชา เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชคืนจากฝรั่งเศส โดยในวันที่ 15 ตุลาคมของทุกปี รัฐบาลกัมพูชาได้ประกาศให้เป็นวันหยุดราชการเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อชาวกัมพูชา บริเวณรอบๆพระบรมราชานุสาวรีย์เป็นลานสาธารณะที่มีทั้งวัยรุ่นและผู้สูงอายุมาออกกำลังกายคล้ายสวนลุมบ้านเรา ส่วนใหญ่จะเต้นแอโรบิกกัน แต่การเต้นของที่นี่ไม่เหมือนบ้านเรา เขาจะยืนเข้าแถว เดินซ้าย เดินขวาเป็นระเบียบพร้อมเพรียงกัน ลานแห่งนี้มีการแสดงน้ำพุเต้นระบำด้วย บรรยากาศในยามค่าคืนสวยงามโรแมนติกจึงเป็นสถานที่ที่หนุ่มสาวนิยมมานั่งพลอดรักกัน
4. ทุ่งสังหารเจืองเอ็ก ( Choeung Ek )
บรรยากาศของทุ่งสังหารแห่งนี้ทั้งเงียบเหงาทั้งวังเวง เหมือนมีกลิ่นไอความเศร้า และความตายลอยอยู่ทั่วบริเวณ ทุ่งสังหารแบบนี้มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 300 แห่ง ในช่วงที่เขมรแดงปกครองประเทศ มีชาวเขมรถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปกว่า 3 ล้านคนจากประชากรทั่วประเทศราวๆ 7ล้านคนจากคำสั่งของคนคนเดียวคือ นายพอลพต เรียกว่าเขมรแดงสังหารชาวเขมรด้วยกันไปถึงครึ่งประเทศเลยทีเดียว เข้าไปด้านในจะมีหูฟังให้หยิบเอาเลย โดยมีการบรรยายประวัติของทุ่งแห่งนี้ซึ่งชวนสลดหดหู่มาก ในอดีตจะมีรถบรรทุกนักโทษมาที่นี่วันละหลายสิบเที่ยว นักโทษเหล่านี้ส่วนใหญ่คือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกยัดข้อหาเท็จ ชาวบ้านธรรมดาไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง และเด็ก ทหารเขมรแดงจะหลอกนักโทษว่า กำลังจะพาไปบ้านใหม่ ที่ทุกคนจะมีข้าวกิน เพื่อหลอกให้นักโทษตายใจจะได้ไม่หลบหนีระหว่างทาง เมื่อรถบรรทุกมาถึงทุ่งสังหารแล้วนักโทษจะถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้า และไปคุกเข่าเรียงกันบริเวณขอบปากหลุม ทหารเขมรแดงก็จะทรมานและตีด้วยอาวุธต่างๆจนตาย พอตายแล้วก็โยนทิ้งลงไปในหลุม ทุ่งแห่งนี้มีต้นไม้สังหารด้วย ทหารเขมรแดงจะจับเด็กๆ ฟาดเข้ากับต้นไม้ให้ตายเพื่อประหยัดกระสุน ณ ทุ่งแห่งนี้มีการเปิดเพลงปลุกใจดังก้องไปทั่วบริเวณเป็นการช่วยกลบเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของนักโทษ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่รำลึกถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มีป้ายเตือนให้เข้าชมอย่างสงบเพื่อให้เกียรติแก่สถานที่และผู้ตาย ภายในอาคารมีการจัดแสดงหัวกระโหลกของผู้เสียชีวิต และอาวุธที่ใช้สังหารให้ชม ส่วนด้านทางออกจะมีดอกไม้และธูปวางขาย ราคาประมาณ 15 บาท เพื่อให้นักท่องเที่ยวทำบุญ และอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต
5. เที่ยวเขมร – คุกโตลสะเล็ง
คุกแห่งนี้เดิมเป็นโรงเรียนที่สอนในระดับชั้นประถม แต่ถูกยึดใช้เป็นสถานที่บัญชาการและสอบปากคำนักโทษ โดยผู้บงการคือ นายพอลพต เป็นสถานที่กักขังนักโทษผู้บริสุทธิ์ในยุคสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง ปัจจุบันนี้ได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงร่องรอยความโหดร้ายป่าเถื่อนที่เหลือจากอดีตโดยรักษาสภาพเดิมไว้ บางห้องก็ยังมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ มีการจัดแสดงเครื่องมือทรมานนักโทษ มีภาพซึ่งโด่งดังไปทั่วโลกคือ ภาพของนักโทษหญิงอุ้มทารกน้อยโดยมีเครื่องช๊อตไฟฟ้าตรึงอยู่ที่ศรีษะ มีภาพถ่ายของนักโทษที่ถูกประหารชีวิต ภาพนักโทษที่ถูกทรมานและหัวกะโหลกมนุษย์มากมาย คุกที่นี่แบ่งเป็นห้องเล็กๆ อีกนับร้อยห้องโดยห้องกว้าง 1 เมตรจะให้นักโทษอยู่ 4 คน นักโทษทุกคนจะถูกทรมานอย่างทารุณโหดร้ายจนถึงแก่ความตายไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงและเด็กทารก นักโทษใน ตวลสเลงส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง และระดับปัญญาชน นอกจากนี้ก็ยังมีเชลยต่างประเทศอีกมากมาย ทั้งชาวเวียดนาม ไทย ลาว อินเดีย ปากีสถาน อังกฤษ อเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย
นักโทษใน ตวลสเลงส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูงและระดับปัญญาชน นอกจากนี้ก็ยังมีเชลยชาวต่างประเทศอีกมากมาย
6. โรซาน่า บรอดเวย์ เมืองเสียมเรียบ
คาบาเร่ย์โชว์สาวประเภทสองแห่งแรกในกัมพูชา ใช้ทุนกว่า 100 ล้านบาทในการก่อสร้างโรงละครขนาดใหญ่ 400 ที่นั่ง การแสดงในแต่ละคืนมีทั้งหมด 15 ชุด โดยมีโชว์ชุดไฮไลท์ก็คือ ระบำนางอัปราซึ่งเป็นโชว์ประจำชาติของกัมพูชานอกจากนั้นก็เป็นโชว์ของชาติอื่น ๆ ที่เป็นกลุ่มลูกค้า เช่น จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ไทย โชว์ของ.โรซาน่า บรอดเวย์จะเน้นสวยงามอลังการแต่ห้ามโป๊โดยเด็ดขาดเพราะรัฐบาลต้องการรักษาวัฒนธรรมอันดีของกัมพูชาไว้
ราคาตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อรอบราคาประมาณ 35-40 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนชาวกัมพูชาเสียค่าตั๋วประมาณ 4-6 ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันมีนักแสดงชาวกัมพูชารวม 87 คน และมีครูฝึกมือโปรชาวไทอีก 8 คน
7. แหล่งช้อบปิ้งในเขมรตลาดใหม่พซาทะไม (Central Market)
ตลาดแห่งแรกที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด ตลาดใหม่ (พะซาทะไม) สร้างขึ้นเมื่อปี 1937 ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส เป็นตึกแบบอาร์ตเดโกซึ่งมีเพดานสูงมาก ร้านค้าส่วนใหญ่ขายสินค้าประเภทเสื้อผ้า และเครื่องใช้ในครัวเรือน แต่สำหรับของที่ระลึก ศิลปหัตถกรรมหรืออัญมณี จะต้องไปที่ตลาดรัสเซียซึ่งเป็นตลาดที่ชาวต่างชาตินิยมมาซื้อของมากที่สุด ชาวรัสเซียที่มาอยู่ในประเทศกัมพูชาเลยเรียกตลาดนี้ว่าตลาดรัสเซีย ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมของเก่าทั้งของแท้และของเลียนแบบ ผ้าไหมของเขมร เครื่องเคลือบจากเวียดนาม ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์เลียนแบบของเก่าซึ่งราคาค่อนข้างถูก ส่วนตลาดกลางคืนก็ต้องที่ไนท์มาร์เก็ต (Night market) ซึ่งตั้งอยู่หน้าตลาดเก่าใกล้แม่น้ำป่าสัก ตลาดแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งเขมรและชาวต่างชาตินิยมมาเดินกันมากมาย มีร้านขายสินค้ามากกว่า 150 ร้าน ขายสินค้าหลากหลายทุกสิ่งอย่างเช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ของที่ระลึก และบางทีก็ยังมีการจัดฟรีคอนเสิร์ตหรือกิจกรรมบันเทิงต่างๆเพื่อสร้างความสนุกสนานให้แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย
8. เที่ยวกัมพูชา ปราสาทนครวัด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ความงดงาม และยิ่งใหญ่อลังการของนครวัดนั้นถึงกับมีคำกล่าวว่า “See Angkor and Die” หมายถึง ควรไปชมนครวัดให้ได้ซักครั้งก่อนตาย นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกโดย มีขนาดกว่า 200,000 ตารางเมตร ตัวปราสาทสูงถึง 60 เมตร ถือเป็นสถาปัตยกรรมขั้นสุดยอดของขอม มีปราสาทรวม 5 หลังตั้งอยู่บนฐานสูงตามศูนย์กลางจักรวาล กำแพงด้านนอกปราสาทยาวด้านละ 1.5 กิโลเมตร มีคูน้ำล้อมรอบตัวปราสาท การก่อสร้างใช้แรงงานช้างกว่า 40,000 เชือก และแรงงานคนนับแสนขนหินทรายจากเขาพนมกุเลน ชึ่งอยู่ห่าง 50 กิโลเมตร ใช้เวลาในการสร้างร่วม 100 ปี และใช้ช่างแกะสลัก 5,000 คนซึ่งใช้เวลาแกะสลักอีก 40 ปี ด้านกำแพงชั้นนอกรอบตัวปราสาทซึ่งมีความยาวเกือบ 1 กิโลเมตรนั้นมีการแกะสลักอย่างงดงามตลอดแนวกำแพงเป็นภาพเกี่ยวกับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และวรรณคดีเรื่อง รามายณะ ทั้งนี้ภาพแกะสลักที่มีชื่อเสียงที่สุดคือภาพเทวดากับอสูรกวนเกษียรสมุทรด้วยเขาพระสุเมรุ นอกจากนี้ยังมีภาพแกะสลักนางอัปสรอีกพันกว่านางโดยที่แต่ละนางท่วงท่าร่ายรำ และเครื่องแต่งกายล้วนแต่แตกต่างกัน
9. ปราสาทบันทายสรี (Banteay Srei)
เป็นปราสาทหินทรายสีชมพูที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในกัมพูชา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1510 โดยพราหมณ์ยัชญวราหะ ในสมัยพระเจ้า ชัยวรมันที่ 4 ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบประมาณ 30 กิโลเมตร ใกล้กับแม่น้ำเสียมเรียบในบริเวณ อิศวรปุระ ปราสาทแห่งนี้ก่อสร้าง ด้วยหินทรายสีชมพูซึ่งเป็นหินทรายที่มีคุณภาพดีที่สุด มีความแข็งแกร่ง และทนทานเป็นเยี่ยม จึงทำให้ตัวปราสาท และภาพแกะสลักยังคงสภาพที่เกือบสมบูรณ์ ทั้งที่มีอายุนานนับพันปี ลวดลายแกะสลักที่ปราสาทบันทายศรียังคงความคมชัด และงดงามเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเทพธิดา หรือนางอัปสรา ก็เต็มไปด้วยความวิจิตรอ่อนช้อย และมีชีวิตจิตใจ ศิลปะการแกะสลักภาพเป็นแบบนูนต่ำบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับรามเกียรติ์ ตำนานมหาภารตะของอินเดียและเรื่องราวของชาวขอมในพุทธศตวรรษที่ 16
10. ปราสาทบายน ศูนย์กลางของนครธม
ปราสาทบายน ( Bayon ) เป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างในสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และเรืองอำนาจที่สุด พักตร์ เป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในยุคสุดท้ายของอารยะธรรมขอม ก่อสร้างด้วยหินทรายสีขาว ปราสาทแห่งนี้มีความโดดเด่นและแตกต่างจากปราสาทหลังอื่น เพราะยอดปรางค์ของปราสาททั้ง 4 หลัง แกะสลักเป็นพระพักตร์ของพระ โพธิสัตว์อวโรกิเตศวรหันหน้าออกไปทั้ง 4 ทิศ มีจำนวนทั้งหมด 54 ปรางค์ รวมกันมีจำนวนทั้งหมด 216 หน้า ตามคติโบราณว่าเพื่อดูแลศาสนิกชนของพระองค์ให้ร่มเย็นเป็นสุข รอยยิ้มบนพระพักตร์เปี่ยมด้วยความเมตตา กรุณาจนเป็นที่ประทับใจต่อผู้พบเห็น นอกจากนี้ยังมีภาพแกะสลักบนผนังกำแพง บอกเล่าเรื่องราวของเหตุบ้านการเมืองในสมัยนั้น เช่น การสู้รบ การซ้อมรบ ชีวิตความเป็นอยู่ของกษัตริย์ และราชวงศ์รวมถึง ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
11. โตนเลสาบ (Tonle Sap)
ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของทวีปเอเชีย อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญประมาณ 100 กิโลเมตร มีแม่น้ำโขงไหลผ่านเป็นระยะทาง 500 กิโลเมตร จากนั้นจะไหลเข้าเวียดนามลงสู่ทะเลจีนใต้ และทะเลสาบแห่งนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่ของปลาบึกซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในฤดูน้ำหลากทะเลสาบจะมีปริมาณน้ากินพื้นที่กว้างถึง 7,500 ตารางกิโลเมตร และลึกถึง 10 เมตร โตนเลสาบมีพื้นที่คลอบคลุมถึง 5 จังหวัด คือ กำปงธม, กำปงชะนัง , โพธิสัตว์ , พระตะบอง และเสียบ เรียบ โลก ไฮไลท์ของการมาเที่ยวทะเลสาบแห่งนี้คือ การล่องเรือชมพื้นน้าอันกว้างไกล สุดสายตา ชมทัศนียภาพอันงดงามในยามตะวันทอแสงรับเช้าวันใหม่ และชมภาพความงามของตะวันยามเย็นที่กำลังจะจมลงสู่ผืนน้า ชาวบ้านที่อยู่ในโตนเลสาบส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเรือนแพ ประกอบอาชีพทำการประมงและมีรายได้จากนักท่องเที่ยวที่มาพักในเรือนแพ ร้านอาหาร และร้านขายของฝากของที่ระลึก